Sunday, April 22, 2007

วิธีคลายเครียดง่ายๆในที่ทำงาน

13วิธีแก้เครียดในที่ทำงาน


หากคุณรู้สึกว่างานที่ทำกำลังปลุกต่อมเครียดให้มีชีวิต ไหนจะมีประชุมแต่เช้าตรู่ นั่งทำงานที่โต๊ะไม่ถึง 10 นาที ก็มีโทรศัพท์เข้ามาไม่ขาดสาย บ่ายก็ต้องวิ่งออกไปหาลูกค้า ตอนเย็นยังต้องกลับมาทำ Report ส่งเจ้านาย เวลากลับบ้านไม่วายรถก็ติดแสน ฯลฯ

เรามีวิธีช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายได้ง่ายๆ แถมเติมโบนัสทางความคิดและมุมมองดีๆ แบบนี้เลย


MUST DO IT!

1. สูดกลิ่นหอม รู้หรือเปล่าว่า กลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ์จะช่วยปลุกประสาทสัมผัสให้สดชื่นตื่นตัว แถมยังกระตุ้นพลังงานในจิตใจได้เป็นอย่างดี เวลาเครียดๆ ลองสูดกลิ่นหอมของดอกไม้ อย่างกุหลาบ มะลิ ลาเวนเดอร์ หรือจะหยดน้ำมันหอมระเหยตรงโต๊ะทำงานก็ไม่เลวนะ เชื่อสิว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้นได้อย่างบอกไม่ถูกเลยเชียว

2. ตากอากาศระยะสั้น เมื่อความเครียดรุมเร้า ก็ไม่ควรอุดอู้อยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยม ทางที่ดีคุณควรหาเวลาหลบไปสูดอากาศบริสุทธิ์ใกล้ๆ ธรรมชาติสักพัก อาจเป็นสวนหย่อมในที่ทำงาน หรือคาเฟทาเรียใกล้ๆ จากนั้นเดินผ่อนคลายและหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ ปล่อยสมองให้ว่างที่สุด เพราะบางทีความรู้สึกเหนื่อยล้าและหดหู่มันมาจากชีวิตที่ยุ่งเหยิงจนเกินไป

WOW! เพียงแค่ 10 นาทีวิธีนี้ก็จะชาร์จพลังให้หัวใจของคุณให้ดีขึ้นได้

3. จินตนาการแสนสุข อีกทางเลือกในการบรรเทาความเครียด คือ ดึงตัวเองออกจากโลกปัจจุบัน โดยหลับตาแล้วหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ แล้วหยุดไว้สองวินาทีก่อนหายใจออก การหยุดช่วงสั้นๆ จะมีผลทำให้ระบบประสาทสงบลง ทำแบบนี้ในที่เงียบๆ สัก 5 นาที รับรองว่าจะรู้สึกดีแบบทันตาเห็น จากนั้นก็นึกถึงช่วงเวลาดีๆ ในการทำงาน เช่น วันที่ได้รับคำชมจากเจ้านาย หรืองานชิ้นโบว์แดงที่คุณทำแล้วรู้สึกภาคภูมิใจ เป็นต้น

4. หนังสือบำบัด หาหนังสือที่อ่านแล้วสบายใจ เล่มบางๆ มาไว้ใกล้มือ เครียดเมื่อไหร่หยิบมาพลิกอ่านสักหน้าสองหน้าแก้เครียด

5. สร้างอารมณ์ขัน หลังจากทำงานต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ลองชวนเพื่อนที่มีอารมณ์ขันคุยเบาๆ จะช่วยกระตุ้นจิตใจที่แสนห่อเหี่ยวให้หัวเราะได้อีกครั้ง คนที่หัวเราะง่ายมักมีสุขภาพกายและจิตที่ดี เนื่องจากการหัวเราะจะช่วยลดความดันโลหิตและระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นการรักษาสมดุลของระบบประสาททางหนึ่งด้วย (ฮอร์โมนคอร์ติซอล = ฮอร์โมนแสดงความเหนื่อยล้าในกระแสเลือด)

DID YOU KNOW! สำหรับบางคนการหัวเราะเพียงครั้งเดียวมีค่าเท่ากับการผ่อนคลายสี่สิบห้านาทีเต็มทีเดียว

6. พลังแห่งการสัมผัส ถ้ามีเพื่อนสนิทในที่ทำงานอาจสลับสับเปลี่ยนกันนวดบรรเทาอาการเครียด เพราะการโอบกอดหรือสัมผัสเบาๆ เวลารู้สึกเหนื่อยล้าจะทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนที่ชื่อ ออกซิโทชิน ช่วยลดระดับความเหนื่อยและความเครียด ทำให้ร่างกายที่กำลังอ่อนล้ารู้สึกผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ

MUST DO! นวดศีรษะ โดยกางนิ้วออกแล้วใช้ปลายนิ้วนวดเบาๆ ไล้จากคางขึ้นไปถึงหน้าผาก แล้วย้อนกลับมาที่ท้ายทอย หรือจะนวดบริเวณหางตาได้ด้วยก็ได้

7. โทรหาเพื่อนรู้ใจ อย่าคิดว่าตัวเองจะแก้ทุกปัญหาได้ไปซะหมด หัวใจสาวมั่นแม้จะแกร่งแค่ไหนก็ยังต้องการที่พึ่งพิงบ้าง ยกหูโทรศัพท์หาเพื่อนรู้ใจสักคนแล้วระบายความรู้สึกให้เพื่อนได้รับรู้ การมีคนรับฟังและให้คำปรึกษาจะทำให้ชีวิตที่ยุ่งเหยิงเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น อย่างน้อยก็ยังรู้สึกว่า คุณไม่ได้แบกปัญหาอยู่คนเดียวในโลก แต่ขอเตือนว่าอย่าเมาท์เพลินจนเสียงานก็แล้วกัน

8. หามุมสงบ-ฟังเพลง ฟังเพลงเบาๆ โดยเฉพาะเพลงแนว Meditation ทั้งเสียงบรรเลงดนตรีและเสียงธรรมชาติ อย่างเสียงคลื่น น้ำตก นกร้อง รับรองว่าจะช่วยสร้างสมาธิให้กลับคืนสู่สมองและจิตใจได้อย่างน่ามหัศจรรย์

9. ทดลองหลับ บางตำรากล่าวไว้ว่าวิธีการที่ดีที่สุดในการรักษาสมดุลแห่งความเครียด คือ การฝึกจิตง่ายๆ ครั้งละ 10 - 15 นาที เช้าและเย็น ด้วยการนั่งท่าสบายๆ อยู่ที่โต๊ะทำงานของคุณ หนุนศีรษะบนแขนที่วางไขว้กัน หรือหาที่เหมาะนอนท่าเหยียดยาว หลับตาและปล่อยตัวตามสบาย เพื่อผ่อนคลายง่ายๆ

DID YOU KNOW! ในทางทฤษฎีว่าไว้เมื่อคุณหลับตาสามารถตัดข้อมูลต่างๆ ไม่ให้เข้าสู่สมองได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์

10. อย่าคาดหมายล่วงหน้า การมัวแต่คิดถึงการนัดหมายสำคัญๆ ในวันรุ่งขึ้น จะทำให้เข้านอนดึกด้วยความกังวลและเครียดเพิ่มขึ้นไปอีก ทางที่ดีทำใจให้สบายผ่อนคลายให้มากที่สุด บอกตัวเองว่าพักให้เต็มที่ แล้วพรุ่งนี้จะดีเอง จากนั้นตั้งนาฬิกาปลุกแต่เช้า เพื่อจะได้เตรียมตัวจนมั่นใจ โดยไม่อ่อนเพลีย

11. รู้จัก “เลี่ยง” เมื่อถึงเวลา ในชีวิตการทำงานมักมีหลายเรื่องที่เข้ามากระทบความรู้สึกจนเกิดอารมณ์ แต่แทนที่จะตอบโต้กลับทันทีอย่างขาดสติ จนอาจทำให้ปัญหาลุกลามใหญ่โต การเดินหนีไปก่อน รอให้อารมณ์เย็นลงหรืออยู่กับโต๊ะทำงานตัวเองเงียบๆ จัดข้าวของหรือหาอะไรที่ไม่ต้องใช้สมาธิสูงมากทำ ลดความเครียดลงได้จนกว่าคุณพร้อมที่จะกลับมาลุยงานอีกครั้ง

12. สร้างกำลังใจให้ตัวเอง ความผิดพลาดบางอย่างที่แก้ไขไม่ได้แล้วก็จำเป็นต้องยอมรับแล้วใช้เป็นบทเรียน แต่จงอย่างให้ความผิดพลาดนั้นกลายเป็นสิ่งที่มากดดันให้คุณเครียดจนเกินไป

MUST DO! อย่ามัวคิดถึงสิ่งที่ผิดพลาดไปแล้ว ควรเปิดใจให้กว้าง และกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลาในการ หาทางแก้ไขให้ดีขึ้น

13. คิดในทางบวก จำไว้ว่าการมองโลกในแง่ดี มีอารมณ์ขัน คิดถึงประสบการณ์ดีๆ ที่ผ่านมาในชีวิตให้บ่อยขึ้น รวมถึงคิดถึงความปรารถนาดีของคนอื่นที่มีต่อคุณก็จะช่วยให้เป็นคนที่เครียดน้อยลงและมีความสุขมากขึ้นได้



** เป็นไอเดียที่น่าลองใช้เมื่อความเครียดถามหา คุณลองเอามาใช้สักข้อสองข้อดู แล้วคุณจะรู้ว่าทุกอย่างมีทางออกเสมอ...

Thursday, April 19, 2007

วันนี้คุณบอกรักใครบ้างหรือยัง

วันนี้คุณบอกรักใครบ้างหรือยัง
ในชีวิตของคนเรานั้นคงไม่มีใครมีบอกว่าไม่เคยมีความรักผู้เขียนก็เคยผ่านการมีความรักหลายรูปแบบตั้งแต่เด็กจนโตมาเจอทั้งความผิดหวังและสมหวังแต่ถ้าเราไม่เคยที่จะรักใครแล้วโลกนี้คงน่าเบื่อถึงแม้บางคนจะอกหักรักคุดก็จงรักเถิดเพราะว่าก่อนที่เรามีทุกข์นั้นก่อนหน้านี้เราก็เคยสุขมาก่อนไม่ใช่หรือ?
ความรักมีหลายรูปแบบ ในช่วงเวลาหนึ่งเราอาจจะมีความรักหลายๆอย่างเกิดขึ้นพร้อมๆกันด้วยซ้ำไป
**ความรักแบบพ่อแม่ลูก
**ความรักแบบหนุ่มสาว
**ความรักแบบเพื่อนแบบพี่น้อง
**ความรักแบบผู้ร่วมธุรกิจหรือผลประโยชน์ร่วมกัน แล้วคุณเคยมีความรักแบบไหนบ้างหรือเปล่าเพราะคนเราเกิดมาแล้วถ้ารู้จักที่จะรักตัวเองและรักคนอื่นให้เป็นแล้ว
โลกนี้คงน่าอยู่อีกมาก

มีอะไรอีกเยอะแยะที่เรายังไม่ได้ทำหรือกำลังคิดที่จะทำให้ทำซะในวันนี้ก่อนที่จะต้องพูดว่า"เสียดาย"ที่ยังไม่ได้บอกรักใครเลยเพราะคนๆนั้นไม่ได้อยู่รอฟังคำว่ารักจากปากเราเองทั้งๆที่เขารอมาตลอดชีวิตที่จะได้ยิน คงมีหลายคนที่พลาดโอกาสดีๆที่จะบอกอาจเป็นเพราะไม่เข้าใจความรู้สึกอีกฝ่ายหรือคิดมากไป หรือประเภทพูดน้อยได้แต่มองตาก็คงได้แต่มองจนคนอื่นคว้าไปซะแล้ว น่าเสียดาย!!



มีใครบ้างที่ยังไม่เคยบอกรักพ่อแม่ตัวเองคงมีหลายคนที่รู้สึกว่ารักจากการกระทำแต่คำพูดไม่กี่คำพูดไม่ได้
มีบางคนเขินอายที่จะบอกรักพ่อแม่ อาจจะเป็นสมัยก่อนต่างต้องทำงานหนัก กว่าจะกลับเข้าบ้านลูกก็หลับแล้ว พอถึงวันพ่อหรือวันแม่ในปีๆหนึ่งลูกยังต้องรอลุ้นว่าวันนี้พ่อกับแม่จะทิ้งงานมาร่วมงานได้ไหม เพราะเราส่วนใหญ่ขาดความ
"ใส่ใจ"ซึ่งต่างจากคำว่า"เอาใจใส่"
เด็กเล็กๆบางคนไม่เคยร้องไห้ตามพ่อแม่เวลาพ่อแม่ไปทำงานเลยเพราะว่าติดพี่เลี้ยงมากกว่า
ที่จริงคำพูดที่ว่า"วันนี้คุณบอกรักกันหรือยัง"วันนี้คุณกอดคนที่คุณรักหรือยัง" เพราะคุณจะแน่ใจหรือว่าวันนี้เมื่อคุณออกจากบ้านไปทำงานแล้วคุณจะได้กลับมาหาคนที่บ้านหรือเปล่า
ส่วนในวัยหนุ่มสาว สมัยนี้พ่อแม่ต้องเป็นห่วงทั้งลูกผู้หญิงและลูกผู้ชาย เราจะต้องรู้จักที่จะสอนให้เด็กรักให้เป็น ความรักเป็นสิ่งที่สวยงามและเป็นพลังใจให้ต่อสู้ในโลกใบนี้ แต่ก่อนที่เราจะรักใครนั้นเราต้องรักตัวเองซะก่อน เพราะชีวิตคนเราอย่าบอกว่าเรารักเขาคนเดียวมันเป็นไปไม่ได้ ว่าคุณเกิดมาเพื่อใคร
มีหลายคนเมื่อรักกันใหม่ๆลืมคนที่อยู่รอบตัวเองหมดมีแต่คนที่ตัวเองรักพอผิดหวังก็เสียใจมากคิดฆ่าตัวตาย โดยหลงลืมไปว่าคนที่เรารักกับคนที่รักเรามากใครทั้งหมดคือ พ่อแม่ของเราเองท่านต้องทำงานหนักไม่ว่าจะเป็นงานอะไรที่ท่านทำเพื่อเรา และที่เสียสละทุกอย่างให้ลูกได้สมัยก่อนเคยได้ยินคนเก่าแก่ท่านเล่าให้ฟังว่า คนจนๆนะมีลูกหลายคนมีไข่ฟองเดียวต้มแล้วคลุกใส่กระติบข้าวเหนียวให้ทั่วๆจะได้กินได้หลายคนหรือถ้าลูกกินไม่อิ่มก็จะต้องเอาน้ำลูบท้องตัวเองเพื่อให้ลูกได้อิ่ม
เด็กสมัยนี้การเลี้ยงดูต่างไปจากเดิมเพราะวัตถุนิยมเข้ามาจนสังคมเปลี่ยนไปมากฐานะร่ำรวยแต่ไม่มีเวลาดูแลท่านต้องจ้างคนมาดูแล บางคนก็ทอดทิ้งให้หาเลี้ยงตัวเองที่ร้ายสุดบางคนยังเอาลูกหลานมาให้เป็นภาระท่านอีกด้วย
จนมีคนพูดว่า "พ่อแม่เลี้ยงลูกได้10คน แต่ลูกเลี้ยงพ่อแม่ไมได้" วัฒนธรรมไทยที่ถูกสั่งสอนกันมาเริ่มหายไปในสังคมบ้านเราเพราะไปเอาอย่างฝรั่ง วันนี้เรามาปลุกจิตสำนึกของความเป็นไทย ให้กลับคืนมา
สุดท้ายก็ฝากข้อคิดที่ว่าคุณรักตัวเองให้เป็นก่อนที่จะรักคนอื่น และเมื่อรักเป็นแล้วอย่าลืมรักษาความรักนั้นให้ยืนยาวด้วยการบอกรักคนที่เรารักทุกวันไม่มีใครที่จะเบื่อฟังคำว่ารักจากคนที่รักเราและคนที่เรารัก
อย่าลืมเตือนตัวเองหน้ากระจก เมื่อตื่นขึ้นมาตอนเช้าแล้วพูดว่า"ฉันรักคุณค่ะ"หรือ"ผมรักคุณครับ"หนูรักพ่อกับแม่ค่ะ” แค่นี้โลกก็สดใสแล้วจริงไหม....

Tuesday, April 17, 2007

การสร้างความสุขให้กับตัวเองแบบง่ายๆ

คงไม่มีใครปฎิเสธว่าคุณไม่เคยรู้สึกโกรธ เกลียดท้อแท้เหงาเศร้าซึมอย่างไม่มีเหตุผลบางครั้งก็หาทางออกไม่ได้หรือบางทีแค่อยู่เฉยๆปัญหาก็คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น
เราลองมาดูวิธีง่ายๆในการสร้างความสุขให้กับตัวเองโดยใช้จิตวิทยาเชิงบวก
วิธีสร้างความสุขแบบง่ายๆ 10ข้อ

1. การออกกำลังกายอาจจะเป็นการวิ่ง ว่ายน้ำ แม้กระทั่งการเดิน ก็สามารถทำให้เรามีความสุขได้เนื่องจากมีการหลั่งของสารที่เรียกว่าเอนโดรฟินส์ทำให้เรารู้สึกว่าสบายใจขึ้น และทำให้ร่างกายแข็งแรงด้วย ผิวพรรณสดใส กล้ามเนื้อแข็งแรง


2. การเพิ่มพูนมิตรภาพ เราจะเห็นได้ว่าคนที่มีเพื่อนสนิทและเพื่อนที่คบหากันแบบธรรมดาๆมากกว่าคนทั่วไปจะเป็นคนที่มีความสุขมากกว่าคนที่มีเพื่อนแค่คนเดียวหรือไม่มีใครเลย

3. ชื่นชมกับสิ่งต่างๆ การที่เรารู้สึกดีหรือแย่ก็ขึ้นอยู่กับการจดจ่ออยู่กับมันการใช้เวลานั่งนึกสิ่งดีๆในแต่ละวันแบบเงียบๆบ้างก็สามารถยกระดับความสุขได้


4. เปลี่ยนวิธีการหายใจเวลาที่คุณโกรธ โดยลองสูดหายใจเข้าทางจมูกลึกๆ อย่างช้าๆ และผ่อนออกทางปาก แค่ไม่กี่นาที คุณจะรู้สึกว่า อารมณ์ร้ายๆของคุณจะค่อยๆหายไป


5. การสร้างเป้าหมายในอนาคต ไม่เพียงแต่จะทำให้ชีวิตตื่นเต้น มีสีสัน เท่านั้นแต่ยังทำให้คุณอดทนต่อปัญหาระยะสั้นๆได้ดีขึ้นด้วย

6. นอนหลับให้มากขึ้น คนส่วนใหญ่ควรนอน7-8 ชั่วโมงเพราะในสังคมปัจจุบันมักจะนอนกันไม่ค่อยพอ ทำให้ร่างกายอ่อนล้า จิตใจเซื่องซึมและฉุนเฉียวง่าย


7. การมองโลกในแง่ดี เพราะคนที่มองโลกในแง่ดีนั้นจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานมากกว่า พบเจอแต่สิ่งที่เบิกบานในชีวิต สุขภาพแข็งแรง มีมิตรสหายมากมาย

8. เอาใจใส่ผู้อื่นบ้าง ไม่เพียงแต่ทำให้คุณลืมปัญหาของตัวเองได้เท่านั้นแต่ยังทำให้เรามีความสุขเมื่อเรารู้จักมอบความรักให้แก่กัน

9. การหัวเราะและการยิ้ม เป็นยาแก้เครียดที่ใช้ง่ายที่สุดเพราะอารมณ์ขันทำให้มีความสุข และการยิ้มแย้มให้กับคนรอบข้าง ดังคำพูดที่ว่าจงยิ้มเถิดแล้วโลกทั้งใบจะยิ้มให้คุณ


10. ทำให้มันสุดๆไปเลย การลงมือแก้ไขปัญหาต่างๆอย่างจริงจังและตั้งใจทำมักทำให้ผลดีกว่าเสมอขอเพียงแค่ตั้งใจแก้ไขอย่างเต็มความสามารถและมั่นคงชีวิตคุณก็จะมีแต่ความสุข

ลองพยายามทำดูนะคะเผื่อว่าอาจจะไม่ต้องเดินเข้าไปปรึกษาจิตแพทย์หรืออย่างน้อยคนที่อยู่ใกล้เราที่สุดนั่นล่ะคือคนที่เราจะนึกถึงเป็นคนแรก
หรือถ้าเวลานั้นไม่มีใครก็นั่งหน้ากระจกแล้วยิ้มหรือหัวเราะกับตัวเองก็ไม่เลวนะ!!