Sunday, December 7, 2008

โรคซีวีเอส

โรคซีวีเอส .. โรคของคนที่ทำงานอยู่หน้าจอคอมเป็นเวลานานๆ :



เพื่อนที่รู้จักกันเริ่มมีปัญหาเมื่ออยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ
บ่นว่าแสบตามากๆทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยมีอาการ..
บางทีร่างกายเราเมื่อมีอาการผิดปกติ..ร่างกายเราจะเริ่มฟ้องถ้าคนที่สังเกตตัวเอง
จะพบความบกพร่องเล็กๆน้อยๆที่เรามักมองข้ามไป..จนมีอาการมากๆต้องรีบไปพบแพทย์

ส่วนใหญ่จะมีอาการปวดตา แสบตา ตาพร่ามัวแม้คุณจะปิดมันไปนานแล้วก็ตาม
และบ่อยครั้งที่จะมีอาการปวดหัวร่วมด้วย
อาการทางสายตาเหล่านี้เกิดจากการจ้องดูข้อมูลบนคอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานานเกินไป
เรียกกลุ่มอาการเหล่านี้ว่า "คอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม" หรือ
"โรคซีวีเอส" ( Computer Vision Syndrome )
อาการปวดตาและแสบตาเกิดขึ้น เพราะมีสมาธิกับข้อมูลบนจอคอมพิวเตอร์มากเกินไป
จนลืมกะพริบตา แก้ไขได้โดยให้กะพริบตาบ่อยๆ
เมื่อรู้สึกตัวว่าปวดตาหรือแสบตา อาจใช้น้ำตาเทียม (artificial tear) หยอดตาบ้าง
ก็จะสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดตาและแสบตาได้เช่นกัน
สำหรับอาการอื่นๆ เช่น ตามัว หรือ ปวดหัว จะเป็นอาการที่เกิดขึ้นเพียงชั่วครั้งชั่วคราว
เมื่อพักแล้วก็จะทุเลา และจะมีอาการต่างๆดีขึ้น
สิ่งสำคัญที่ต้องนึกถึงเสมอคือ การทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ถูกต้องจะสามารถลดปัญหาดังกล่าวได้

วิธีการแก้ไขง่ายๆ



*เพียงแค่คุณละสายตาไปยังสิ่งอื่นทุกๆ15นาทีโดยอาจเลือกมองจุดที่ทอดไปตามทางเดิน
หรือหน้าต่าง 10-20 ฟุต แค่เพียง 20วินาที จากนั้นก็กลับมาโฟกัสในห้องทำงานเหมือนเดิม

*บริหารดวงตาโดยกลอกตาไปมาเปลี่ยนทิศทางไปเรื่อยๆ เป็นการบริหารกล้ามเนื้อตา

*ถ้ามีอาการปวดตา บรรเทาอาการปวดโดยการถูฝ่ามือเข้าด้วยกันประมาณ 10-15 วินาที เพื่อให้มืออุ่นขึ้น
แล้วนำฝ่ามือมาปิดที่หนังตาสักพักหนึ่งเพื่อให้สายตาพักจากแสงสว่างจากจอคอมพิวเตอร์
และความร้อนทำให้การไหลเวียนของโลหิตที่ดวงตาดีขึ้น

*แสงสว่างไม่ให้มีแสงสะท้อนมาที่จอคอมพิวเตอร์ และปรับแสงสว่างหน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่ให้แสงจ้ามากเกินไป

* ควรนั่งห่างจากจอคอมพิวเตอร์ประมาณ 16-30 นิ้วจากดวงตา
และควรให้จุดกึ่งกลางของหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 20 องศา
จัดเป็นท่านั่งทำงานกับจอคอมพิวเตอร์ที่ดีที่สุด และพึงระมัดระวังปัญหาปวดหลัง ปวดไหล่
ปวดคอ ที่มักเกิดขึ้นร่วมกันได้บ่อย ๆ

***อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ
*ไอเดียเด็ดๆเพื่อชีวิตที่ง่ายและเร็วขึ้นของพีพีบุ๊คส์
*http://www.bangkokhealth.com/homesafety_htdoc/homesafety_health_detail.asp?Number=9281
*http://rx12.wsnhosting.com/panpup/cvs.html

Saturday, December 6, 2008

เรื่องดีๆจาก 2วันของศูนย์คู่ใจ

ศูนย์คู่ใจหรือ(BUDDY CENTER)



เป็นการจัดอบรมฟื้นฟูเจ้าหน้าที่บริการคลินิก
ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเป็นเวลา2วัน
วันแรก

เป็นการทบทวนการให้คำปรึกษา
สำหรับเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาอบรมนั้น ซึ่งมีทั้งพยาบาลและอาสาสมัคร
ของI.O.Mคนเดิมๆหลายคน
ก็ทักทายกันแบบสบายๆตั้งแต่เช้า..

โดยอาจารย์เริ่มแนะนำตัวเองและให้สมาชิกจัดเก้าอี้เป็นแบบตัวU
และออกมายืนเรียงกันโดยไม่ให้บอกหรือถามอายุกันโดยสังเกตุจากใบหน้าเป็นหลัก
ก็มีหลายคนที่หน้าตาดูเด็กกว่าอายุจริง(รวมทั้งผู้เขียนด้วย)555
มีหนุ่มๆหลายคนที่อยากมายืนก่อนเราเพราะคิดว่าตัวเองแก่
เอาเข้าจริงๆอ่อนกว่าเราตั้งหลายปี555

เริ่มแนะนำตัวเองทีละคนและชื่อเล่นเพื่อทำความรู้จักกันให้มากขึ้น
หลังจากนั้นก็เริ่มเข้าสู่บรรยากาศการเรียนและเทคนิคในการให้คำปรึกษา
โดยการสร้างบทบาทสมมุติเป็นคนที่เข้ามารับคำปรึกษาและผู้ให้คำปรึกษา
โดยเวียนกันถามปัญหาของผู้มารับคำปรึกษาจนสรุปปัญหาได้ว่าคืออะไรและให้คำแนะนำ
และสรุปปิดท้ายด้วยอะไรที่น่าคิด..

อาจารย์เล่าว่า

"เด็กตาบอดคนหนึ่งนั่งอยู่บนสะพานลอยแล้ววางหมวกไว้1ใบพร้อมกับเขียน
ข้อความว่า"ช่วยทำบุญทำทานกับเด็กตาบอดด้วยครับ"

คนที่ผ่านไปผ่านมาก็ให้เงินเหรียญแค่นิดเดียวจนมีชายคนหนึ่งเดินผ่านมาแล้วรู้สึกสงสารเด็กก็เลยกลับป้าย
เขียนข้อความใหม่ให้แล้วปักๆไว้ที่เดิมปรากฎว่าหลังจาก1ชม.

เด็กคนนี้มีเงินเต็มหมวก..แปลกจัง!!

เกิดอะไรขึ้น?..ชายคนเดิมเดินกลับมาดูเด็กคนนี้อีกครั้ง..
เด็กตาบอดหูจะมีการได้ยินที่ดีกว่าคนปกติ
เด็กจำได้และกล่าวขอบคุณเขาและถามว่าท่านเขียนอะไรที่ป้ายนั้น..

ชายคนนั้นก็เลยบอกว่าเราแค่เขียนว่า
"วันนี้เป็นวันที่สวยงามแต่ผมไม่มีโอกาสได้เห็นมัน"
ซึ่งก็ความหมายเดิมคือ
"ผมตาบอด"นั้นเอง
ภาคบ่ายเป็นการเล่าประสบการณ์ของตัวเองของคนที่ป่วยเป็นโรคเอดส์
ทำให้เรารู้สึกว่าการเรียนรู้จากคนที่มีประสบการณ์โดยตรงทำให้เราเข้าใจความรู้สึกของเขาได้มากขึ้น
และประสบการณ์ที่เขาได้มาจากชีวิตจริงนั้น..กว่าจะมาถึงวันนี้ต้องผ่านการเจ็บปวดมากมายแค่ไหน..



อบรมวันที่2

เป็นการเริ่มต้นที่สนุกมากขึ้นเพราะวิทยากรเป็นพยาบาลจากโรงพยาบาลจังหวัดมาสอน
สอนให้เรา

:สำรวจตัวเราเองว่าตอนนี้เราคิดถึงอะไรอยู่
:การมองตาคนที่นั่งใกล้เรานาน2นาทีแล้วเราเห็นอะไร
:คนเรามีองค์ประกอบที่สำคัญกี่ส่วน ?
ตำตอบคือ4ส่วนค่ะ
1.ตัวเอง
2.ครอบครัว
3.งาน
4.สังคม

การมีสติก่อนที่จะทำอะไรโดยสำรวจใจตัวเองก่อนว่าพร้อมหรือยัง
โดยเริ่มจากเริ่มก้าวเท้าออกจากบ้านจนถึงที่ทำงานและเวลาเลิกงานแล้ว
ทั้งวันเราได้ทำอะไรไปบ้าง

หลังพักเบรคอาหารว่าง..

เราก็เริ่มด้วยวิทยากรจากรพ.จังหวัดอีกท่านหนึ่ง
พูดถึงหน่วยงานที่ให้การช่วยเหลือผู้ติดเชื้อเอดส์และโครงการยาสำหรับผู้ป่วยเอดส์
ซึ่งมีผู้เข้าร่วมโครงการเกือบพันคนได้เฉพาะในรพ.จังหวัดเป็นเด็กและผู้ใหญ่และคนต่างด้าว
และพักทานอาหารเที่ยงกันหลังทานอาหารอาสาสมัครI.O.M.ก็ร้องเพลงเล่นอะไรสนุกๆ
โดยการให้ผู้เข้าอบรมมีส่วนร่วมโดยการร้องเพลงและชวนเพื่อนในห้องออกมาเต้นและเล่นท่าทางตามเพลง
เช่นเพลงมะดัน,เพลงโดเรมอน ,เพลงตุ่มใส่น้ำ, เพลงกิ่งก้านใบต่างก็สนุกกันพอสมควร
บ่ายก็สรุปประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการนี้และปิดการอบรม...

และสิ่งที่มีค่าที่สุดจากการอบรมคือ..
"คำว่ามิตรภาพคนไทยและคนต่างด้าว"....