Friday, September 14, 2007

ลดน้ำหนักแบบธรรมชาติบำบัด

ลดน้ำหนักแบบธรรมชาติบำบัด



ธรรมชาติคือความสมดุล
สุขภาพที่ดีต้องประกอบด้วยความสมดุลของการกิน พักผ่อน และออกกำลังกาย หมายถึงมีความพอดี สอดคล้อง ไม่หักโหมไปที่ส่วนใดส่วนหนึ่งมากเป็นพิเศษ คนรักตัวเองฟังแล้วอาจจะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องยากเกินการปฏิบัติ เพียงแค่เพิ่มความใส่ใจและมีระเบียบวินัยในการใช้ชีวิตอีกหน่อยเท่านั้น

* การกิน คนเราต้องการพลังงานจากอาหารวันละ 3 มื้อ แต่ละมื้อจึงควรบริโภคอาหารที่ให้พลังงาน ได้แก่คาร์โบไฮเดรตหรือโปรตีน นอกจากนี้ยังควรได้รับไฟเบอร์หรือเส้นใย น้ำ รวมถึงวิตามินและเกลือแร่ต่างๆ ที่ร่างกายต้องการในปริมาณที่เพียงพอต่อการนำไปใช้ การบริโภคมากกว่าการนำไปใช้ย่อมทำให้เกิดการสะสมเป็นไขมันส่วนเกิน

* พักผ่อน กินเพื่อให้ได้พลังงานและสารอาหารที่ต้องการอย่างเพียงพอแล้ว ร่างกายยังต้องการพักผ่อนนอนหลับอย่างเพียงพอด้วย ในเมื่อทำงานมาตลอดวัน รีดออกมาทั้งพลังสมองและกำลังกาย พอตกค่ำก็ต้องนอนหลับให้ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ การทำงานหนักแต่นอนน้อยจึงทำให้ร่างกายทรุดโทรมและไม่ผอม เพราะร่างกายที่ขาดการพักผ่อนจะเร่งการเผาผลาญมากขึ้น ทำให้คุณรู้สึกหิวกว่าปกติ และกระหายน้ำตาลจนน่ากลัวในวันรุ่งขึ้น

* ออกกำลังกาย รู้ดีว่าการออกกำลังกายมีคุณประโยชน์กับสุขภาพมากมาย ตั้งแต่ช่วยเผาผลาญพลังงานส่วนเกิน ช่วยกระชับกล้ามเนื้อ สร้างความกระฉับกระเฉง สดใส มีความสุข ร่างกายแข็งแรง นอนหลับสบาย และช่วยสร้างความมั่นใจในตัวเอง

การออกกำลังกายแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ การออกกำลังกายแบบแอโรบิก ที่ช่วยเพิ่มอัตราการสูบฉีดโลหิตของหัวใจ เช่น เดิน วิ่ง ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน เต้นรำ หรือกระโดดเชือก เพื่อบริหารกล้ามเนื้อหัวใจให้แข็งแรง ควรออกกำลังกายแบบแอโรบิกนานครั้งละ 45 นาที สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง การออกกำลังกายประเภทที่ 2 ได้แก่ การบริหารความแข็งแกร่ง ได้แก่การยกน้ำหนักและเวทเทรนนิ่งต่างๆ ประเภทสุดท้ายคือ การฝึกความยืดหยุ่นของร่างกาย ได้แก่ การฝึกโยคะ พิลาทิส ฟิตบอล และไทชิ ซึ่งจะช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่น คล่องแคล่ว สงบ และมีสมาธิ

ลดน้ำหนักแบบธรรมชาติ

นายแพทย์บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล แห่งศูนย์ธรรมชาติบำบัดบัลวี กล่าวไว้ข้อหนึ่งว่า วิธีลดความอ้วนด้วยธรรมชาติบำบัด ที่สำคัญคือ ต้องออกกำลังกาย และ ควบคุมอาหาร ก่อนจะแนะนำสูตรควบคุมอาหาร ซึ่งมีให้เลือกปฏิบัติตามแต่ความถนัดของแต่ละคน

1. ไม่กิน(ข้าว) มื้อเย็น วิธีนี้เหมาะจะเป็นบันไดขั้นแรกสู่สูตรต่อๆ ไป โดยในมื้อเช้าและกลางวันสามารถกินได้ตามปกติ เฉพาะมื้อเย็นเท่านั้นที่กินอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ข้าว อาจจะหาจานเปล่ามา 1 ใบ ใส่ผักสดให้เต็มจาน แล้วกินกับกับข้าวไทยๆ อาทิ น้ำพริกปลาทู แกงส้ม แกงเลียง ยำ ลาบ งดกับข้าวมันๆ เช่นผัดผักมันๆ ของทอด และแกงกะทิ

2. อดอาทิตย์ละวัน เลือก 1 วันในสัปดาห์สำหรับงดเนื้อสัตว์ ไขมัน ข้าว แล้วกินแต่ผลไม้อย่างเดียวทั้งวัน เช่น มะละกอสุก

3. อดด้วยน้ำผลไม้ 3 วัน วิธีการคล้ายกับสูตรที่ 2 เพียงแต่เปลี่ยนจากการกินเนื้อผลไม้มาเป็นการดื่มน้ำผลไม้วันละชนิด
ติดต่อกัน 3 วัน

4. อดเพื่อสุขภาพ 10 วัน เริ่มจาก 2 วันแรกกินแต่ผลไม้ ต่อจากนั้นกินผักและผลไม้สดชนิดต่างๆ จนครบ 10 วัน ซึ่งใน 10 วันนี้ถ้าทำอย่างเข้มงวด น้ำหนักจะหายไปประมาณ 3-4 กิโลกรัม

5. กินเนื้อกับผัก สูตรนี้เข้าข่ายการกินแบบ “พร่องแป้ง” หรือ “โลว์-คาร์บ(Low-Carb)” คือกินได้ทุกอย่าง โดยแตะคาร์โบไฮเดรตซึ่งรวมทั้งแป้ง ข้าว และผลไม้ให้น้อยที่สุด โดยกินผักปริมาณ 2 เท่าของเนื้อ

แม้ว่าการที่ร่างกายไม่ได้รับพลังงานหลักจากคาร์โบไฮเดรตตามปกติ จะทำให้ร่างกายอยู่ในสภาพเดียวกับภาวะอดอาหาร จนต้องไปดึงพลังงานส่วนเกินที่เก็บสำรองไว้มาใช้ก็จริง แต่ส่วนหนึ่งของพลังงานสำรองอาจเป็นโปรตีนจากกล้ามเนื้อ การกินเนื้อกับผักนานๆ จึงอาจส่งผลให้คุณผอมแบบกล้ามเนื้อหย่อนคล้อย จึงจำเป็นต้องรักษามวลกล้ามเนื้อไว้ด้วยการออกกำลังกายแบบแอโรบิก ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนไขมันเป็นกล้ามเนื้อได้ นอกจากนี้หากบริหารความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน อย่างการยกเวทไปพร้อมกันด้วย ก็จะช่วยเพิ่มขนาดกล้ามเนื้อให้สวยงามและดูดียิ่งขึ้นด้วย
ใช้ทั้ง 5 วิธีผสมผสานกันก็ได้ แต่ควรคำนึงว่าผักและผลไม้ที่จะกินควรมีความใหม่สดและผ่านการล้างอย่างสะอาดดีแล้ว ส่วนจะกินแบบนี้อยู่นานแค่ไหนก็ให้ติดตามจากผลของน้ำหนักตัวว่าได้ตามที่ต้องการแล้วหรือยัง เมื่อพอใจแล้วก็ค่อยๆ ปรับเพิ่มแป้งทีละนิด อย่างไรก็ตามแม้จะกลับมากินเหมือนเดิมแล้ว ก็ยังควรดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสกัดไม่ให้ไขมันกลับมาพอกพูนใหม่ได้ง่ายๆ อีก

สำหรับสัดส่วนของอาหารปกติหลังจากเข้าโปรแกรมกินเนื้อ-กินผักแล้วนั้น ควรเป็นการกินตามแนวธรรมชาติบำบัดคือ แต่ละวันกินข้าวกล้อง 3 มื้อ ผักสด 2 จาน ผลไม้ 2 ผล(ขนาดเท่ากับผลแอ็ปเปิ้ล) น้ำผลไม้คั้นสด 1 แก้ว กินเนื้อสัตว์วันละไม่เกิน 1 ฝ่ามือ อาหารไขมัน(จำพวกผัดและทอด) วันละไม่เกิน 2 อย่าง พร้อมๆ กับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยรักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสม มีรูปร่างที่สมส่วน และสุขภาพโดยรวมที่แข็งแรงมากขึ้น



เคล็ดลับการกินของสาวหุ่นดี* เพิ่มผัก ถ้าอยากผิวสวยและรูปร่างฟิตเฟิร์มแบบ น้องฟ้า-นาตาลี เกลโบวา อดีตมิสยูนิเวิร์ส หวานใจ ภราดร ศรีชาพันธุ์ ต้องเพิ่มผักทุกมื้อ นาตาลีบอกว่าไม่ว่าจะเป็นผักดิบหรือผักสุกก็มีแคลอรีน้อย แต่กินพื้นที่ในกระเพาะมาก ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ทั้งยังมีไฟเบอร์สูง ช่วยระบบการย่อย และรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่

* วันละ 2 มื้อ ซูเปอร์โมเดล ลูกเกด-เมทินี กิ่งโพยม เผยเคล็ดลับในการกินรักษาเชฟว่า จะไม่กินอะไรหลังหกโมงเย็น ลูกเกดเริ่มวันด้วยมื้อเช้า เธอชอบดื่มน้ำผัก-ผลไม้ที่คั้นแยกกากกับขนมปังโฮลวีต มื้อกลางวันสามารถกินได้ตามต้องการ แต่ถ้าเลือกได้จะกินก๋วยเตี๋ยว ซึ่งเบาท้องกว่าข้าว นับๆ ดูแล้วลูกเกดจึงกินเป็นเรื่องเป็นราวแค่วันละ 2 มื้อเท่านั้น


กำลังลด ต้อง ‘งด’ ก่อน* ข้าวทุกชนิด ไม่ว่าจะข้าวสวย ข้าวเหนียว ข้าวต้ม แม้แต่ข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือ ซึ่งแม้จะมีประโยชน์มาก แต่ตอนที่กำลังลด ต้องงดก่อน ได้น้ำหนักที่พอใจเมื่อไหร่ค่อยกลับมากินข้าวกล้อง

* แป้งทุกชนิด ไม่ว่าจะขัดขาวหรือไม่ขัดขาว นอกจากนี้ไม่เฉพาะขนมปัง แต่ยังรวมถึงขนมจีน ก๋วยเตี๋ยว พาสต้า และวุ้นเส้นด้วย

* น้ำตาลทุกชนิด รวมทั้งน้ำตาลเทียม ซึ่งแม้จะไม่ให้พลังงานแต่ก็จัดเป็นอาหารขยะประเภทหนึ่ง เมื่อกินเข้าไปก็รังแต่จะไปเพิ่มภาระให้ร่างกาย ทำให้รู้สึกหิวบ่อยยิ่งขึ้น

* ผลไม้ทุกชนิด แม้ผลไม้หลายชนิดจะไม่มีรสหวาน แต่ก็ประกอบด้วยแป้ง ซึ่งร่างกายสามารถเปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้ เช่นเดียวกับข้าว ซึ่งแม้ไม่หวานแต่ก็มีแป้งมาก

* ถั่วทุกชนิด ถั่วประกอบด้วยโปรตีน 1 ส่วน แป้งอีก 1 ส่วน การกินถั่วมากๆ จึงเพิ่มปริมาณแป้งให้กับร่างกายโดยไม่รู้ตัว ช่วงที่กำลังลดให้ได้น้ำหนักตัวที่พอใจจึงควรเลี่ยงถั่วทุกชนิด รวมทั้งน้ำเต้าหู้ด้วย อย่างไรก็ตามเต้าหู้ ซึ่งผ่านกระบวนการที่สกัดแป้งออกไปหมด เหลือเพียงส่วนของโปรตีนล้วนๆ นั้นสามารถกินได้

* นม และผลิตภัณฑ์จากนมทุกชนิด แม้จะเป็นนมจืด หรือเพลนโยเกิร์ต เพราะในนมวัวมีน้ำตาลแลคโตสเป็นส่วนประกอบอยู่ ส่วนนมพร่องไขมันนั้นก็ถูกนำไขมันออกไปเพียงส่วนเดียว ยังเหลือคอเลอเตอรอลสูงๆ และไขมันอิ่มตัวที่ทำให้อ้วนได้อยู่ ช่วงนี้ควรงดไปก่อน



เห็นไหมคะว่าการลดน้ำหนักแบบธรรมชาติบำบัดทำไม่ยาก ไม่ต้องอดจนหิวไส้กิ่ว ไม่ต้องใช้เงิน ยา หรืออาหารเสริมลดความอ้วนเลย แค่ปฏิบัติตามสูตรเพื่อรูปร่างแข็งแรงและสุขภาพที่ดีขึ้น มีข้อดีมากมายอย่างนี้จะไม่ทดลองลดกันดูบ้างหรือคะ

No comments: