
วันนี้กำลังคิดว่าจะเขียนอะไรดี..
นึกขึ้นได้ว่าตอนสายๆพี่ที่ทำงานด้วยกันบอกว่าฝากโต๊ะแป็ปนะเดี๋ยวไปห้องน้ำก่อนนะ
จากการสอบถาม(กระซิบ)กันเบาๆพี่เป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
โอ๊ว!!โรคนี้ใครเป็นทรมานสุดๆจริงๆเพราะจะมีอาการปวดท้องน้อยจะมีการปัสสาวะบ่อย แสบ ขัด กระปริบกระปรอย รู้สึกถ่ายไม่สุด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ บางรายมีเลือดออกมาด้วย

พบในเด็กอนุบาลไปจนถึงคนสูงอายุ (โดยเฉพาะคนที่อนามัยจัดคือ อั้นๆๆจนชิน)
โดยเฉพาะพยาบาลที่ทำงานนั่งซักประวัติผู้ป่วยที่มาใช้บริการจำนวนมากๆ
และลุกจากที่ทำงานได้ยากเพราะติดพันงานหรือประเภทเอาไว้ก่อน..อีกนิดน่ะ..
จนไม่มีเวลาไปเข้าห้องน้ำและยิ่งห้องน้ำไม่สะอาดก็ปัสสาวะไม่ออกซะงั้น..
บางคนเป็นบ่อยๆเนื่องจากมีความผิดปกติทางกายวิภาคของของกระเพาะปัสสาวะ
หรือท่อปัสสาวะต้องใส่สายสวนปัสสาวะไว้ตลอดเอาสายออกไม่ได้เลยก็เคยเจอ
โดยเฉพาะผู้หญิงที่อยู่ในช่วงหลังฮันนี่มูนกลับมาใหม่ๆต้องแอบกระซิบคุณหมอขา..(หนูขอยาหน่อยค่ะ)
ก็เลยเรียกว่าโรค Honeymoon Disease เพราะสาเหตุนี้นะเอง
สมัยเราเป็นนักศึกษาพยาบาลอาจารย์หมอบอกจะสอนเรื่องโรค "ฮันนี่มูนดีซิส"ก็นั่งถามกันโรคอะไรชื่อแปลกจัง..
(ดูหวานๆแต่แฝงความเจ็บปวด)..แต่ก็มีหลายคนพูดว่า"โรคคนในอยากออก คนนอกอยากเข้า"
จากการซักประวัติผู้ป่วยที่เข้ามาตรวจ เราจะพบว่ามีอาการแบบที่กล่าวมาแล้วนั้นแทบทุกคน
และจะต้องส่งไปตรวจปัสสาวะก่อนพบแพทย์เพื่อให้การรักษาที่รวดเร็วขึ้น
โดยปัสสาวะมีเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะมากกว่า 5-10 ตัว
แบคทีเรียที่ตรวจพบในปัสสาวะมากกว่า 1 ตัว
ส่วนการส่งเพาะเชื้อปัสสาวะมีความจำเป็นในผู้ป่วยสูงอายุ มีอาการของโรคนานเกิน 7 วัน
ผู้ป่วยที่มีประวัติเคยเป็นซ้ำๆบ่อยๆ และผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือโรคเรื้อรังอื่น เช่น เบาหวาน โรคตับ โรคไต
วิธีง่ายๆ...ถ้าเราไม่อยากเป็นโรคนี้!!...
*พยายามดื่มน้ำมากๆ และอย่ากลั้นปัสสาวะ ควรฝึกการถ่ายปัสสาวะนอกบ้าน หรือระหว่างเดินทางได้ทุกที่
การกลั้นปัสสาวะทำให้เชื้อโรคอยู่ในกระเพาะปัสสาวะได้นานจนสามารถเจริญเติบโตทำให้เกิดการอักเสบได้
*หลังถ่ายอุจจาระควรใช้กระดาษชำระเช็ดทำความสะอาดจากข้างหน้าไปข้างหลังเพื่อป้องกันไม่ให้นำเชื้อโรคเข้าสู่ท่อปัสสาวะ
*สำหรับอาการขัดเบาหลังร่วมเพศ (Honeymoon’ s cystitis) อาจป้องกันได้โดยดื่มน้ำ 1 แก้ว
ก่อนร่วมเพศควรใส่ครีมหล่อลื่นช่องคลอดก่อนถ้าจำเป็น และถ่ายปัสสาวะทันทีหลังร่วมเพศ
*ระหว่างที่มีตกขาว ควรทำความสะอาดบ่อยขึ้น อย่าให้หมักหมมถ้าจำเป็นอาจต้อง พบแพทย์นรีเวช
*หลีกเลี่ยงอาการท้องผูกนานๆ ถ้าจำเป็นอาจต้องใช้ยาระบาย
*พิจารณาให้ยาปฏิชีวนะจากแพทย์





